Gu Go Alone

5 เทคนิคง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณ ‘เชี่ยวชาญรอบด้าน’

ไม่มีใครอยากไปสาย แต่บางครั้งเกิดเหตุที่ไม่คาดฝัน จะทำอย่างไรให้ไม่ดูแย่ นี้คือ 5 วิธีที่เรานำมาฝากกันครับ

บางครั้งคำวิจารณ์อาจเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ ไม่ว่าจะพูดออกมาอย่างสุภาพและไม่มีเจตนาว่าร้ายก็ตามที แต่การไปยึดติดกับมันก็ไม่ส่งผลดีกับความมั่นใจของคุณเลยเช่นกัน ไม่ว่าคุณจะได้รับคำชมเชยมากเท่าไหร่ สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นก็คือ คำวิพากษ์วิจารณ์เพียงคำเดียวก็ทำให้คุณเก็บไปคิดซ้ำๆ จนความมั่นใจลดลงได้ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเราทุกคน มีคนเป็นสิบบอกว่าพวกเขาชื่นชมผลงานของเรา แต่อาจมีเพียงงานเดียวที่ถูกวิจารณ์รุนแรงจนตามหลอกหลอนคุณถึงทุกวันนี้ อย่างไรก็ตาม คำวิจารณ์นั้นเป็นสิ่งจำเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะมืออาชีพ เราคงทราบกันดีแล้วว่าเราควรตอบรับคำวิจารณ์และนำไปปรับใช้เป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้ แต่มีอีกหนึ่งกุญแจสำคัญในการรับมือกับคำวิจารณ์ ซึ่งก็คือ การใช้มันเป็นตัวช่วย โดยไม่ให้มาทำลายความมั่นใจไปเสียหมด ฟังดูเป็นไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? แต่จริงๆ มันเป็นไปได้ หากคุณนำคำแนะนำ 5 ข้อนี้ไปใช้ การถูกวิจารณ์จะกลับกลายเป็นผลดีได้โดยไม่ทำร้ายความรู้สึกของคุณอีกต่อไป

ไม่ว่าคุณเพิ่งเลิกกับแฟน เพิ่งย้ายบ้านใหม่ไปในสถานที่ไม่คุ้นเคย หรือเพียงแค่รู้สึกกังวลใจกับเรื่องต่างๆ เหตุการณ์เหล่านี้อาจจะทำให้คุณเหงา และโดดเดี่ยว แม้ว่าในทุกวันนี้เราจะเล่นโซเชียลมีเดียเผื่อติดต่อกับใครก็ได้ที่อยู่ห่างไกล แต่บางครั้งมันก็ยังทำให้เรารู้สึกแย่และไม่ได้ช่วยอะไรเลย แถมยังคอยซ้ำเติมให้เราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ อีกต่างหาก มันจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในการคลายเหงา

เคยรู้สึกไหมว่า วันหยุดเสาร์อาทิตย์นี่มันช่างสั้นเหลือเกิน เผลอเพียงนิดเดียววันจันทร์ก็มาเยือนซะแล้ว พอเช้าวันจันทร์ทีไรก็จะเริ่มรู้สึกว่า “นี่เราต้องทำงานอีกตั้งหลายวันกว่าจะได้หยุด” ยิ่งคิดแบบนี้แล้วก็ยิ่งทำให้จิตใจห่อเหี่ยวได้ง่าย แต่ว่าเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกเสียจากเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่เราจะต้องเจอไปทั้งสัปดาห์ ดังนั้นแล้ว เช้าวันจันทร์จึงเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่คุณควรจะวางแผนเพื่อให้เวลาที่เหลือทั้งสัปดาห์ของคุณให้ราบรื่นขึ้น วันนี้เรามีเคล็ดลับดี ๆ ที่จะมาช่วยให้คุณมองเช้าวันจันทร์เปลี่ยนไปจากเดิม

“กฎ 5 ชั่วโมง” ที่จะเปลี่ยนคนธรรมดาอย่างคุณ ให้กลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ

ผู้ประกอบการทุกคนล้วนต้องการให้อนาคตกิจการตนเองเติบโต ไม่ว่าจะเป็นการพยายามสรรค์สร้างและออกแบบสิ่งใหม่ๆ หรือการหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยปกติแล้วผู้ประกอบการมักมีอะไรที่เหมือน ๆ กันอยู่หลายอย่าง ทั้งการเป็นนักฝันและนักลงมือทำตัวยง รวมไปถึงการมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลด้วย ซึ่งในเส้นทางการเป็นผู้ประกอบการนั้นล้วนต้องมีการฝึกพัฒนาตนเอง ฝึกการเป็นผู้นำที่ดี รวมทั้งขวนขวายความรู้ในการสร้างธุรกิจให้เติบโตไปพร้อมกันด้วยเสมอ

การเป็นผู้ประกอบการ หมายความว่าคุณจะต้องเจอทั้งการสะดุดล้ม ความผิดพลาด และต้องเรียนรู้จากมันให้ได้ แม้ว่าประสบการณ์จะเป็นครูที่สอนเราได้ดีที่สุดก็ตาม แต่ก็มีบทเรียนอีกมากมายที่คุณเรียนรู้โดยไม่ต้องล้มเหลวหรือเจ็บปวดด้วยตัวเองได้ มาดูกันว่าบทเรียนที่ผู้ประกอบการหลายคนได้เรียนรู้นั้นมีอะไรบ้าง

บรรดาผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าในปี 2020 คน Gen Y จะเข้ามามีบทบาทในบริษัทและองค์กรต่างๆ ประมาณ 50% และเพิ่มเป็น 75% ภายในปี 2030 ผู้ประกอบการทั้งหลายอาจเริ่มรู้สึก ถึงการเปลี่ยนผ่านนี้แล้ว และมองว่าเป็นเรื่องดีเสียด้วย อย่างที่ แมกซ์ อาร์มบรูซเตอร์ ประธานบริหารบริษัท Talk Push กล่าวว่า “พวกเด็ก Gen Y ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อะไรจากผมหรอก เพราะตอนนี้ พวกเขาถือว่ามีบทบาทสำคัญมากๆ แล้ว”

จากการวิจัยชี้ให้เห็นว่า กลุ่มคนที่อายุ 30-35 ปีในปัจจุบัน มีอัตราการซื้อบ้านและรถยนต์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ความจริงก็คือไม่ใช่แค่อสังหาริมทรัพย์หรือรถยนต์ส่วนตัว ที่มีอัตราการซื้อลดลง แต่รวมไปถึงสินค้าที่มีราคาสูงๆ ด้วยเช่นกัน ในประเทศอเมริกากลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี เลยถูกเรียกว่า ’the generation of renters’ หรือ เจนเนอเรชั่นแห่งการเช่า นั้นเอง

การทำงานที่บ้านเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณเจอกับสภาวะใหม่ ๆ ที่แตกต่างไปจากการเข้าออฟฟิศ หลายคนชอบงานลักษณะนี้เพราะว่าคุณจะมีอิสระมากขึ้น และรู้สึกว่ามันมีความยืดหยุ่นมากกว่าการทำงานในออฟฟิศ แต่การทำงานที่บ้านก็มีข้อที่ควรระวังอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าคุณเป็นนายตัวเองแล้วนั่นหมายความว่าคุณจะต้องควบคุมตัวเองเพื่อไม่ให้ขี้เกียจจนทำงานไม่ทัน บทความนี้จะช่วยแนะนำว่าคุณควรจะทำอย่างไรให้การทำงานที่บ้านของคุณเป็นงานที่ประสบความสำเร็จ

ในโลกของการทำงานโดยเฉพาะธุรกิจนั้น เราต้องพบปะกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้า และมนุษย์ก็มีความหลากหลายแตกต่างกันไป ทั้งนิสัย ทัศนคติ หรือพฤติกรรม คุณอาจจะพบเจอกับคนบางประเภทที่คุณไม่ชอบพวกเขาเอาเสียเลย ทนไม่ได้เวลาที่ต้องอยู่ใกล้ๆ หรือมีปฏิสัมพันธ์ด้วย แต่งานก็คืองาน ถ้าคุณจำเป็นต้องข้องเกี่ยวกับพวกเขาล่ะ คุณต้องทำยังไงให้ตัวเองสบายใจจนงานไม่พัง?

ในช่วงอายุ 20 ปี เป็นช่วงเวลาแห่งการค้นหาตัวเองให้พบ และต่อจากนั้นคุณก็จะเข้าสู่ช่วงอายุ 30 ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการพัฒนาตัวเอง ทั้งด้านอาชีพการงานและชีวิตส่วนตัว คนในช่วงอายุนี้ส่วนใหญ่จะใช้เวลาไปกับการทำงานเพื่อที่จะได้เลื่อนขั้นในหน้าที่การงาน และการสร้างความสัมพันธ์ชีวิตคู่อย่างจริงจัง

ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์แล้ว ช่วงเวลาในการสร้าง “First Impression” หรือ ความประทับใจแรกพบ นั้น จะเกิดขึ้นเพียงแค่ 7 วินาทีแรกเท่านั้น เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคุณต้องการจะสร้างความประทับใจในการออกงานอีเว้นท์ การประชุมทางธุรกิจ หรืองานสำคัญอะไรก็ตาม คุณต้องมีความกระตือรือร้นที่จะสร้างความประทับแรกพบอย่างเร็วพลัน!

งานอดิเรก ก็คือกิจกรรมที่เราทำเพื่อผ่อนคลายตนเอง งานอดิเรกของหลายๆท่านเป็นกิจกรรมที่สนุกและมีประโยชน์มากมาย งานวิจัยพบว่าการใช้เวลากับกิจกรรมสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหารหรือการเล่นดนตรีจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานได้ดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีอีกหนึ่งงานวิจัยที่เผยว่ากิจกรรมยามว่างบางอย่างสามารถทำให้เราฉลาดขึ้นได้ด้วย นอกจากนี้กิจกรรมนันทนาการหลายชนิดก็ส่งผลดีต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ จึงไม่แปลกเลยที่คนประสบความสำเร็จมักจะมีเวลาให้กับงานอดิเรกเสมอ ถึงแม้พวกเขาจะงานยุ่งแค่ไหนก็ตาม

เคล็ดลับ ที่ช่วยให้คุณ อ่านหนังสือ ได้มากขึ้น

ในฐานะหัวหน้าหรือผู้นำองค์กร คุณต้องการให้ลูกทีมเชื่อใจคุณ และจากการศึกษานี้คือองค์ประกอบหลักๆ 3 ประการ ที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตัวหัวหน้า

อีก 5 ปี ต่อจากนี้ ทักษะที่มีความจำเป็นของกลุ่มแรงงานปัจจุบันกว่า 1 ใน 3 จะเปลี่ยนไปจากเดิม เนื่องจากเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 ขึ้น ภายในปี 2020 การปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 จะนำมาซึ่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่างๆ อาทิ ระบบหุ่นยนต์ ระบบขนส่งอัตโนมัติ ปัญญาประดิษฐ์(Artificial Intelligence, AI) การเรียนรู้ของเครื่องจักร(Machine learning) อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์อันล้ำสมัย เทคโนโลยีชีวภาพ และจีโนมิกส์(Genomics)

เชื่อหรือไม่ว่า เวลาเพียงไม่กี่นาทีก่อนการทำงาน อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานในอีก 8 ชั่วโมงให้หลังได้

“เหล่าพ่อแม่และคุณครูจะเก่งในการถ่ายทอดความรู้ประเภทแรกมากกว่า” แอนนี่ เมอร์ฟี่ พอล นักเขียนหนังสือแนวจิตวิทยา กล่าว “เราจะรู้สึกสบายใจมากกว่า ในการพูดถึงข้อมูลที่จับต้องได้ อย่าง ชื่อ วันที่ เลข ข้อเท็จจริงต่างๆ แต่น้อยคนนักที่จะสนใจในเรื่องของกระบวนการเรียนรู้ ที่เรียกว่า การเรียนรู้เชิง ‘รู้คิด’ (Metacognitive)”